ผู้นำรัสเซียและจีนปล่อยวางความขัดแย้งกับรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยร่วมกันประกาศความร่วมมือระดับโลกในการรับมือกับปัญหาภาวะโลกร้อนในการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันโดยมีสหรัฐเป็นเจ้าภาพ
แม้ว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ไม่ได้มีการประกาศคำมั่นสัญญาที่จะดำเนินมาตรการอันชัดเจนเพื่อลดปัญหาโลกร้อน เช่นเดียวกับสหรัฐและชาติพันธมิตรและอีกหลายชาติด้วยการตั้งเป้าลดการใช้ถ่านหินและการปล่อยก๊าซจากน้ำมัน แต่การหารือผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ดังกล่าวถือเป็นการเริ่มต้นความร่วมมือใหม่ของประเทศที่มีการปล่อยมลพิษสูงที่สุดในโลก เพื่อปูทางไปสู่การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกโดยสหประชาชาติซึ่งกำหนดจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้
ไบเดนประกาศว่าสหรัฐจะลดการปล่อยมลพิษจากการใช้พลังงานเชื้อเพลิงลงถึง 52% ภายในปี 2030 นับเป็นการกำหนดเป้าหมายครั้งแรกรอบ 4 ปีหลังจากสหรัฐถอนตัวออกจากความร่วมมือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกในช่วงอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ขณะที่ในการประชุมดังกล่าวญี่ปุ่นประกาศตั้งเป้าการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใหม่ที่ 46% ด้านเกาหลีใต้ประกาศยุติการให้การสนับสนุนทางการเงินต่อโรงงานไฟฟ้าพลังถ่านหิน ซึ่งหวังว่าจะช่วยสร้างแรงผลักดันให้จีนรวมถึงประเทศที่พึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากถ่านหินควบคุมการก่อสร้างและการให้เงินสนับสนุนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในฐานะประเทศที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลกย้ำว่า การปกป้องสิ่งแวดล้อมคือการปกป้องความอุดมสมบูรณ์ และกระตุ้นให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ช่วยเพิ่มผลผลิต มันเป็นเรื่องง่ายๆ เช่นนั้น
ด้านปูตินกล่าวว่ารัสเซียสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมกับความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อหาทางออกที่มีประสิทธิภาพในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงความท้าทายที่สำคัญอื่นๆ ในโลก
ที่มา : มติชนออนไลน์ วันที่ 23 เมษายน 2564