สรุปจากเสวนา ‘นายกฯ ไป COP26 = สภาพพ!!’


สรุปจากเสวนา ‘นายกฯ ไป COP26 = สภาพพ!!’ เสวนาที่ชวนตัวจริงในวงการมาแลกเปลี่ยนกันว่าเมื่อนายกฯ ไทย กำลังจะไปประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) จะบ้งไหมยังไง

COP26 เป็นการประชุมรัฐภาคีของความตกลงพหุภาคีระหว่างประเทศ(Multilateral Agreements)ต่างๆ ภายใต้การดำเนินงานขององค์การสหประชาชาติ Conference of Parties ที่เป็นรู้จักกันดีคือการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิ อากาศ(UNFCCC) ซึ่งเป็นเวทีเจรจาระหว่างประเทศที่ดำเนินสืบเนื่องมาเกือบ 3 ทศวรรษ และในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมี COP26 ที่กลาสโกว์ ซึ่งทุกประเทศภายใต้ UNFCCC จะเข้าร่วมการเจรจาและให้คำมั่นต่อเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งแน่นอนว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยก็จะเข้าร่วมประชุมและแถลงเป้าหมาย Net Zero ที่เพิ่งหยิบยกขึ้นมาเมื่อเร็วๆ นี้

รู้จัก COP26

COP26 คืออะไร ทำไมทั่วโลกจึงให้ความสำคัญ ธีระพงศ์ แสงลาภเจริญกิจ ผู้ประสานงานการปฏิวัติเมืองยั่งยืน กรีนพีซ ประเทศไทย อธิบายเกี่ยวกับการประชุม COP26 ดังนี้

  • COP ย่อมาจาก (Conference of Parties) โดยเป็นการประชุมรัฐภาคีของความตกลงพหุภาคีระหว่างประเทศ(Multilateral Agreements)ต่างๆ ภายใต้การดำเนินงานขององค์การสหประชาชาติ Conference of Parties ที่เป็นรู้จักกันดีคือการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(UNFCCC) ซึ่งเป็นเวทีเจรจาระหว่างประเทศที่ดำเนินสืบเนื่องมาเกือบ 3 ทศวรรษ
  • เวทีเจรจาว่าด้วยวิกฤตสภาพภูมิอากาศเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ COP21 ซึ่งนำไปสู่ความตกลงปารีส(Paris Agreement)
  • ในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมี COP26 ที่กลาสโกว์ ทุกประเทศภายใต้ UNFCCC จะเข้าร่วมการเจรจาและให้คำมั่นต่อเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งแน่นอนว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยก็จะเข้าร่วมประชุมและแถลงเป้าหมาย net zero ที่เพิ่งหยิบยกขึ้นมาเมื่อเร็วๆ นี้
  • การพูดคุยครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวรายงานสำคัญของกรีนพีซ ประเทศไทย 2 ฉบับ “เบื้องหลังการนำเข้าถ่านหินและข้อเสนอการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยั่งยืนและเป็นธรรมในไทย” และ “ปลดระวางถ่านหินเพื่อการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมในประเทศไทย” ซึ่งการพูดคุยครั้งนี้ได้กล่าวถึงแผนการเดินทางไปประชุม COP26 ของผู้นำไทยที่กลาสโกว์ต้นเดือนหน้านี้ ว่าจะมีแนวทางให้คำมั่นสัญญาสำคัญอย่างการลดการปลดปล่อยคาร์บอนจนสามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero และการประกาศเลิกใช้ถ่านหินในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้หรือไม่ รายงานทั้งสองฉบับนี้จะเป็นคำตอบว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยสามารถปลดระวางการใช้ถ่านหินได้จริงภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และชวนจับตามองท่าทีของผู้นำไทยในเวทีโลกในเรื่องนี้
 Bogot  Ivan Valencia  Greenpeaceเยาวชนและบุคคลทั่วไปร่วมประท้วงเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Strike) ในเมือง Bogotá ก่อนการประชุม COP26 จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2564 © Ivan Valencia / Greenpeace

สถานการณ์ถ่านหินทั่วโลกและของไทยเป็นอย่างไร ทำไมเราต้องพูดเรื่องการปลดระวางถ่านหิน

สรุปจาก รศ.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ จากสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อธิบายได้ดังนี้

  • การปลดระวางถ่านหินคือการเลิกพึ่งพาการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากถ่านหิน คนจึงกังวลว่าหากมีการเลิกใช้ถ่านหินจริงๆ สถานการณ์ไฟฟ้าและพลังงานในประเทศจะเป็นอย่างไร ในเมื่อรู้กันว่าพลังงานถ่านหิน เป็นเชื้อเพลิงที่มีราคาถูก
  • ในความจริงการจะได้พลังงานถ่านหินมาเราต้องผ่านกระบวนการตัดต้นไม้ เปิดหน้าดิน ขุดทำเหมืองถ่านหินขึ้นมา และขนส่งทางทะเลเพื่อกลับมาใช้ในไทย แล้วจึงจะผลิตเป็นพลังงานได้ ใช้พลังงานเยอะมาก แต่สิ่งที่เราได้กลับมาเป็นไฟฟ้านั้นนับเป็นแค่ 1 ใน 3 ของพลังงานที่เสียไปเท่านั้น
  • นอกจากพลังงานที่ได้รับ ยังก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำ ทางอากาศ และทางดินแถมมาด้วย
  • คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂ ) ที่ปลดปล่อยออกมาจากถ่านหินนั้นสูงกว่าเชื้อเพลิงอื่น ๆ ถึง 2 เท่า ในการผลิตไฟฟ้าหนึ่งหน่วยเท่า ๆ กัน เมื่อเทียบการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติกับการเผาไหม้ถ่านหิน พบว่าถ่านหินจะปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา 1 กิโลกรัม แต่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากจากการเผาไหม้ของก๊าซธรรมชาติจะมีแค่ 400 กว่ากรัมเท่านั้น  
  • ถ่านหินเป็นตัวการสำคัญที่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  (CO₂) ออกมามากที่สุด ในปีที่ผ่าน ๆ มาปล่อยมากถึง 13.7 กิกะตัน  
  • เมื่อนับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ทั้งต้นทุนภายนอกที่ต้องนำไปดูแลคนที่ได้รับผลกระทบทางด้านสุขภาพ การเยียวยาเรื่องที่ดินทำกิน จัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ต้นทุนที่แท้จริงของถ่านหินที่หลายคนคิดว่าราคาถูกจึงอาจไม่ได้ถูกอย่างที่คิด ดังนั้น ถ่านหินจึงไม่ใช่พลังงานราคาถูกอย่างที่คิด
  • แนวโน้มทั่วโลกเริ่มมีการถอนการลงทุนด้านถ่านหิน (Coal Divestment) แล้ว ยิ่งมีการพยายามแก้ไขปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศผ่าน ความตกลงปารีส ‘Paris Agreement’ โดยรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เหนืออุณหภูมิในช่วงก่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม และพยายามจำกัดให้อุณภูมิโลกต่ำกว่านั้นประมาณ 1.5 องศาเซลเซียสในช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม
  • หลาย ๆ ประเทศจึงเริ่มมีการประกาศเป้าหมายสู่ Net Zero Carbon แล้ว ส่วนของประเทศไทยประกาศไว้ว่าจะทำให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2070 (พ.ศ. 2613) แต่ยังไม่มีแผนการว่าจะไปสู่จุดนั้นได้อย่างไร
Climate Strike 2021 in Berlin  Sina Niemeyer  Greenpeaceนักกิจกรรมกรีนพีซเข้าร่วมกิจกรรมการประท้วงเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Strike) ปี 2564 ในรกรุงเบอร์ลิน เพื่อเรียกร้องให้รัฐมีนโยบายแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศรวมทั้งฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น © Sina Niemeyer / Greenpeace

ถ้าปลดระวางถ่านหินได้จริง ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร

  • แม้จะเอาสัดส่วนถ่านหินออกไปจากแผน PDP ก็ไม่ได้กระเทือนความมั่นคงทางพลังงานทางไฟฟ้าของไทย ที่ปกติก็เพียงพอแล้ว ทั่วโลกตั้งกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองตามมาตรฐานสากลจะกำหนดไว้ราว 15% ของความต้องการไฟฟ้าสูงสุดก็เพียงพอแล้ว
  • ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองสูงถึง 43-48% จากการจำลองว่าในปี 2570 เราสามารถปลดระวางถ่านหินได้จริง กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศไทยก็ยังสูงกว่ามาตรฐานสากลที่กำหนดไว้ที่ 15% หรือแม้ว่าจะเลิกในปี 2580 ประเทศไทยก็ยังมีความมั่นคงทางพลังงานอยู่ดี
  • ประเทศไทยมีพลังงานทางเลือกหลายประเภท ทั้งพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังงานลม พลังงานแสงแดด พลังงานน้ำ และก๊าซชีวภาพ ซึ่งหลายๆ แหล่งพลังงานมีประสิทธิภาพสูงมาก ทำให้สามารถกระจายแหล่งพลังงานให้สมดุลได้
  • กำลังการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยมีแค่ 30,000 เมกะวัตต์ก็เพียงพอแล้ว แต่เรากลับมีมากถึง 45,000 เมกะวัตต์ ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนที่เราสร้างโรงไฟฟ้าสำรองเอาไว้ กลายเป็นต้นทุนที่สำคัญของค่าไฟฟ้าในประเทศไทย
  • ที่ผ่านมาแม้โรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่จะไม่มีการเดินเครื่องเลย แต่รัฐก็ต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายให้เอกชน (ประมาณการว่าค่าความพร้อมจ่ายอยู่ที่ 33,000 ล้านบาทต่อปี) ซึ่งค่าความพร้อมจ่ายเหล่านี้ถูกบวกรวมอยู่ในค่าไฟฟ้าของพวกเรา ค่าไฟฟ้าจึงแพงกว่าที่ควรจะเป็น
  • การตัดโรงไฟฟ้าถ่านหินออกไปก็เหมือนลดค่าความพร้อมจ่าย แม้ช่วงแรกหลังจากตัดค่าไฟฟ้าอาจจะแพงขึ้นเพราะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ในระยะยาวค่าไฟในประเทศจะดีขึ้นเรื่อย ๆ

ประโยชน์สำคัญหากเลิกใช้ถ่านหินได้จริง

สิ่งที่เกิดทันทีคือการลดปริมาณสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ลดมลพิษทางอากาศ และปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นตามมา คือ

  • หากสามารถยกเลิกถ่านหินได้ในปี 2570 จะทำให้เราลดการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ มากถึง 38,200 ล้านตัน แต่หากไม่ทำอะไรเลยอย่างในปัจจุบัน และมีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะทำให้เรามีผู้ป่วยจากมลพิษทางอากาศมากถึง 8,000-9,000 รายต่อปี
  • เพราะถ่านหินสร้างคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าฟอสซิลอื่น ๆ ถึงเราจะใช้พลังงานไฟฟ้าเท่าเดิม ก็สามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 2 เท่าถ้าเลิกใช้ถ่านหิน กรณีที่เรายกเลิกการใช้ถ่านหินทันทีจะลดคาร์บอนไดออกไซด์ไปได้ปีละ 37-47 ล้านตัน (ปริมาณเทียบเท่ากับการดูดซับคาร์บอนของป่าที่มีใหญ่ขนาด 4 เท่าของกรุงเทพฯ) ซึ่งจะทำให้ไทยก้าวไปสู่ Net Zero Carbon ได้เร็วขึ้นด้วย
  • นอกจากนั้นยังมีประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ เพราะสามารถนำเงินที่จ่ายเป็นค่าความพร้อมจ่ายให้โรงไฟฟ้าต่าง ๆ ไปลงทุนอย่างอื่นได้ หรือลดค่าไฟฟ้าให้ไม่ต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายที่ไม่จำเป็นได้

หากไม่ยอมปลดระวางถ่านหิน หรือเปลี่ยนผ่านพลังงานในไทย จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร

ความเห็นจาก ภาคภูมิ โกเมศโสภา ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน ตัวแทนผู้ทำงานกับภาคธุรกิจด้านความยั่งยืน กล่าวว่า เป้าหมายระดับประเทศของไทยประกาศไว้ว่าตั้งใจจะลดก๊าซเรือนกระจกในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ.2573)ให้ได้ 20% ถือเป็นเป้าหมายที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไม่เข้ากับสถานการณ์โลก ซึ่งได้แจกแจงเป็นประเด็น ดังนี้

  • หากเทียบตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เราสามารถปล่อยได้ใน 10 ปีต่อจากนี้ ต้องน้อยกว่าที่สัญญาไว้ถึงครึ่งหนึ่ง
  • ภาคธุรกิจในประเทศต้องรับแรงกดดันจากกลุ่มคู่ค้าต่างชาติหรือบริษัทต้นสังกัดที่อยู่ในประเทศที่มีนโยบายบังคับให้บริษัทตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกที่จริงจังตามหลักวิทยาศาสตร์ (SBTi) คือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับที่ไม่ทำให้โลกมีอุณหภูมิเกิน 2 องศาเซลเซียสเป็นอย่างน้อย โดยจะมีการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่วัตถุดิบ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นฐานการผลิตวัตถุดิบเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงถือเป็นงานหนักสำหรับภาคธุรกิจในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพราะในภาคการผลิตสินค้าและบริการใด ก็ยังต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งผลิตซึ่งมีที่มาจากถ่านหิน
  • หรือแม้แต่กับคนทั่วไปที่อยากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย เพราะหนึ่งในรอยเท้าคาร์บอนคือการใช้ไฟฟ้า การจะลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก หรือการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถทำได้เพียงแค่การเริ่มที่ตัวเอง เพราะมันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทุกคนต้องใช้ไฟฟ้าที่เราไม่สามารถเลือกได้จากแหล่งฟอสซิล
  • ยกตัวอย่างเช่น การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) นั้นจะมีประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของพลังงานไฟฟ้า โดยประเทศในแถบยุโรปการใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สูงถึง 69% เพราะสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนสูง ในขณะที่ประสิทธิของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในจีนมีเพียง 20 – 45% เนื่องจากยังมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สูงอยู่
Coronavirus Shutdown in Frankfurt  Bernd Hartung  Greenpeaceรถไฟฟ้ากำลังชาร์จแบตเตอรี่ © Bernd Hartung / Greenpeace

อะไรคืออุปสรรคในการเปลี่ยนผ่านพลังงานในไทย

สฤณี อาชวานันทกุล กรรมการผู้จัดการ ด้านการพัฒนาความรู้ บริษัท ป่าสาละ จำกัด ให้ความเห็นว่า อุปสรรคในการเปลี่ยนผ่านพลังงานในไทยมี 3 เรื่องใหญ่คือ หนึ่ง-ไม่มีภาวะการรับผิด สอง-ปัญหาวิสัยทัศน์ของผู้กำหนดนโยบาย สาม-กลุ่มผลประโยชน์ที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมือง

  • การไม่มีภาวะรับผิดเห็นชัดจากเรื่องการวางแผนพลังงานของประเทศไทยที่มีการพยากรณ์ความต้องการการใช้ไฟฟ้าค่อนข้างสูง และแม้จะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ แต่เมื่อกลับมาพยากรณ์ใหม่อีกครั้งก็ยังพยากรณ์ไว้สูงอยู่ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าาสำรองเมื่อเทียบกับการใช้ไฟฟ้าจริงนั้นต่างกันเยอะมาก
  • วิธีคิดว่าพลังงานต้องจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ต้องรวมศูนย์ ต้องคุมจากศูนย์กลางกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ ทั้ง ๆ ที่หากส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างโซลาร์รูฟท็อปที่คนทุกคนสามารถผลิตไฟฟ้าได้เองและหากมีเหลือก็สามารถนำไฟฟ้าไปขายได้ ก็สอดคล้องกันกับแนวคิดเรื่องประชาธิปไตยพลังงาน และหลาย ๆ ประเทศเองก็เริ่มส่งเสริมโครงการนี้
  • การแข่งขันเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยผลักดันเรื่องธรรมาภิบาลในภาคพลังงาน แต่ประเทศไทยกลับไม่ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขัน หนำซ้ำยังปล่อยให้ธุรกิจฟอสซิลได้เงินอุดหนุน ได้สิทธิประโยชน์ เช่น การลดหย่อนภาษี มีอิทธิพลทางการเมือง

จุดยืนของประเทศไทยใน COP26

“แถลงไปเลยว่าเราจะเลิกใช้ถ่านหินในการผลิตพลังงานไฟฟ้า โดยเริ่มต้นแห่งแรกคือโรงไฟฟ้าของรัฐบาลเอง เพราะถ้าเกิดเราสามารถทำให้เห็นเป็นตัวอย่างได้ว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าประเทศไทยกำลังก้าวไปเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก และรับผิดชอบต่อสังคม” รศ.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ – นักวิชาการด้านวิศวกรรมไฟฟ้า

“ตั้งเป้าหมายที่อิงตามหลักวิทยาศาสตร์ ตั้งไปเลยว่าประเทศเราจะไม่ไปทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส และช่วยทำให้ตลาดการซื้อขายพลังงานหมุนเวียนสะดวกมากขึ้นหน่อย ช่วยทำนโยบายที่เปิดทางให้ภาคธุรกิจที่อยากได้แหล่งพลังงานหมุนเวียนมาลดก๊าซเรือนกระจกด้วย” ภาคภูมิ โกเมศโสภา – ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน ตัวแทนผู้ทำงานกับภาคธุรกิจด้านความยั่งยืน

“เห็นด้วยว่าควรประกาศเลิกใช้ถ่านหิน เพราะไม่ใช้ก็ไม่เป็นไร กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศเรายังมีมโหฬารมาก และอยากให้ตั้งเป้าหมายอยู่บนฐานของความเป็นจริง มันดูตลกที่ประเทศอื่นจะ Net Zero Carbon ในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ.2593 )แล้วเราจะทำให้สำเร็จในปี ค.ศ 2070 (พ.ศ.2613 )เหมือนอยู่ดี ๆ ก็อยากขอเวลาเพิ่มจากคนอื่นโดยไม่มีเหตุผล เราควรจะไปในหมุดหมายเดียวกัน คือปี ค.ศ. 2050” (พ.ศ.2593 )

“นอกจากนี้สิ่งที่อยากเห็นคือเรื่องของการส่งเสริมการแข่งขัน ขจัดอำนาจผูกขาดในภาคพลังงาน ซึ่งสิ่งนี้คงจะเรียกร้องที่รัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเรียกร้องไปที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานด้วย เพราะการทลายอำนาจผูกขาด ส่งเสริมการแข่งขันเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ภาคธุรกิจเข้ามาอยู่ในสถานะที่ทำให้เขามีอำนาจต่อรองและช่วยขับเคลื่อนนโยบายไปสู่สังคม Low Carbon ได้” สฤณี อาชวานันทกุล – กรรมการผู้จัดการ ด้านการพัฒนาความรู้ บริษัท ป่าสาละ จำกัด

ที่มา :  Greenpeace Thailand 15 ตุลาคม 2564

สงวนลิขสิทธิ์ © 1995-2015 สถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม (ธ.พ.ส.ส.).
8/16 ถ.กรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กทม. 10200
โทรศัพท์ 0 2280 1812 , 0 2280 6228 , 0 2280 0557 , 0 2628 6438
โทรสาร 0 2282 8877
e-mail: gseiorth@gmail.com