เมื่อคุณเป็นคนนึกถึงแวดล้อมก่อนที่คุณจะซื้ออะไรก็ตาม ดังนั้นเวลาไปยังร้านค้าต่าง ๆ คุณจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการเลือกจับจ่ายซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากความยั่งยืนกำกับเท่านั้น แต่ในบางกรณีฉลากเหล่านี้ก็ไม่ได้บ่งบอกเสมอไปว่าสินค้าชนิดนั้นไม่ได้เชื่อมโยงกับการตัดไม้ทำลายป่าและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ผลการสำรวจพบว่าใบรับรองที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในปัจจุบันช่วยให้ธุรกิจทำลายล้างเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ
ถึงไม้ว่าได้มีการรับรองบริษัทต่างๆเพิ่มขึ้นทั่วโลกในช่วงสิบปีที่ผ่านมา การตัดไม้ทำลายป่าและการทำลายระบบนิเวศยังคงดำเนินต่อไป
การรับรองผลิตภัณฑ์ของตนว่า “ยั่งยืน” บริษัทต่าง ๆ จะเพิ่มความต้องการและอันตรายที่อาจเกิดจากการถลุงเหมืองแร่ ในขณะที่เราคิดว่าเราเลือกถูกแล้วที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากรับรองเราอาจกำลังส่งเสริมการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการทำลายล้างอยู่ก็เป็นได้
ราวปีพ.ศ.2543 หลังจากกระแสการตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคทั่วทุกมุมโลก หลายบริษัทและรัฐบาลได้ให้คำมั่นที่จะต่อสู้กับการตัดไม้ทำลายป่า พวกเขาเหล่านี้มองว่าหากได้ฉลากรับรอง FSC คือทางออกของปัญหา
การรับรองเป็นกระบวนการตรวจสอบซึ่งเจ้าของฟาร์ม เจ้าของกิจการประมง รวมถึงป่าไม้สามารถระบุได้ว่าพวกเขาปฏิบัติตามมาตรฐานสังคมหรือสิ่งแวดล้อม และมีสิทธิ์ในการขายผลิตภัณฑ์ของตนตามที่ได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมักมีฉลากรับรอง สำหรับผู้ผลิต หรือบริษัทที่ทำการซื้อขาย “สินค้าจากป่าไม้และสินค้าที่มีความเสี่ยงต่อระบบนิเวศ” มักจะพึ่งพาการรับรองเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า เพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่าบริษัทของตนร่วมสายการผลิตของเขาทั้งหมดได้ดำเนินการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยผ่านกระบวนการการผลิตที่ “ยั่งยืน”
คำตอบคือไม่ รูปแบบการรับรองบางอย่างมีผลในเชิงบวกในท้องถิ่น บางครั้งฉลากเช่น Forest Stewardship Council (FSC) สามารถช่วยเป็นทางเลือกในการบริโภคได้ เช่นเดียวกับอาหารออร์แกนิก (ซึ่งอยู่นอกขอบเขตของรายงานนี้และเป็นตัวอย่างของฉลากที่มีการควบคุมและมีความน่าเชื่อถืออื่น ๆ อีกมากมาย) แต่ไม่ว่ารูปแบบการรับรองแบบไหน การตรวจสอบรายละเอียดของฉลากนั้นเป็นเรื่องยากเมื่อเราต้องการซื้อของจากชั้นวาง
เราสามารถผลักดันให้รัฐบาลรวมถึงผู้ประกอบการตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากการทำลายสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือการเรียกร้องให้มีการติดฉลากที่นอกเหนือจากการรับรองเช่น ฉลากบนผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ หรือการเช็คที่มาของอาหารของคุณ
รัฐบาลของประเทศที่ผู้ผลิตตั้งถิ่นฐานบริษัทของพวกเขาอยู่ต้องกล้า และเข้มงวดที่จะออกกฎหมายควบคุมบริษัทต่าง ๆ เพื่อปกป้องระบบนิเวศและป่าไม้ของประเทศตนเอง อีกทั้งควรมีนโยบายให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบที่มาของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ว่าเชื่อมโยงกับการทำลายล้างป่าไม้ ระบบนิเวศ หรือมีการละเมิดสิทธิ์หรือไม่ ส่วนสำคัญคือรัฐบาลควรเลิกรอเวลาให้ผู้ผลิต บริษัทหรือห้างร้านต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหานี้โดยสมัครใจ
บริษัทต้องยกมาตรฐานของพวกเขาในเรื่องการใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพื่อให้แน่ใจว่าสายการผลิตของพวกเขาไม่ได้มีส่วนในการทำลายป่าไม้
กฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้นและความพยายามในการลดการบริโภคผลิตภัณฑ์บางชนิดเป็นสิ่งสำคัญหากเราต้องการแก้ไขปัญหาวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพและวิกฤตความไม่เท่าเทียมกันและสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีขึ้น
แกรนท์ โรโซแมน ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านป่าไม้ กรีนพีซสากล
ที่มา : Greenpeace Thailand 19 มีนาคม 2021