โมเดลคาด "คราบน้ำมัน" บางส่วนที่รั่วลงทะเลอาจจะพัดเข้าชายฝั่งนิคมมาบตาพุดภายในวันที่ 30 ม.ค.นี้ แต่สามารถจำกัดวงน้ำมันในทะเล 1 ตารางกิโลเมตร ด้านบริษัทฯขอโทษทำน้ำมันรั่วยันบำรุงรักษาเปลี่ยนท่อทุก 3 ปี พร้อมเร่งสอบสวนหาสาเหตุ พรุ่งนี้บินสำรวจอีกรอบ
วันนี้ (26 ม.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 19.00 น.ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงสถานการณ์การเก็บกู้คราบน้ำมันดิบของบริษัทสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด ที่รั่วลงทะเลมาบตาพุด จ.ระยอง
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า จนถึงขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยพบน้ำมันดิบรั่วไหลไม่เกิน 160,000 ลิตร หรือ 128 ตัน คิดเป็น 0.04% ของน้ำมันในเรือที่มีความจุประมาณ 320,000 ตัน และมั่นใจว่าและจะไม่ซ้ำรอยปี 2556 โดบขณะนี้ควบคุมน้ำมันใพนื้ที่ 1 ตารางกิโลเมตร และสภาพอากาศและคลื่นลม จึงจะไม่พัดเข้าหาฝั่งแน่นอน
“หลังเกิดเหตุทางบริษัทได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบในพื้นที่ทันทีประเมินผล กระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งตรวจหาสาเหตุท่อน้ำมันรั่วไหล ”
ขณะที่ตัวแทนจากบริษัทสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัดได้กล่าวขอโทษเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมะบุว่าหลังเกิดเหตุน้ำมันรั่ว ได้ส่งทีมนักประดำน้ำลงไปสำรวจพบว่าจุดข้อต่อบางชิ้นส่วนเกิดการแยก และทำให้เกิดน้ำมันรั่ว และมีการซ่อมแซมปิดจุดรั่วแล้ว
“ยืนยันว่ามีการเช็กเสปก และมีการทำตรวจสอบและเปลี่ยนท่อน้ำมันในระยะเวลา 3 ปีต่อครั้ง และตามกำหนดจะเปลี่ยนในช่วงเม.ย.ของปี ”
อ่านข่าวเพิ่ม ปูพรมล้อม "เกาะเสม็ด-หาดแม่รำพึง" สกัดคราบน้ำมันรั่วทะเลระยอง
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า จากการนั่งเรือเข้าไปสำรวจจุดเกิดเหตุน้ำมันรั่วไหล พบมีปริมาณน้ำมันดิบรั่วไหลจริง 128 ตัน หรือประมาณ 160,000 ลิตร โดยบริษัทฯ ได้สำรวจตรวจสอบจากท่อน้ำมันที่รั่วไหล และไม่พบมีรอยหรือรูรั่วเพิ่มเติม โดยใช้สารกำจัดเพื่อให้น้ำมันสลายตัวตามธรรมชาติได้เร็วขึ้น
“นักวิชาการประเมินว่าภายใน 8-10 วันจึงจะสลายเอง แต่พยายามควบคุมให้อยู่ในพื้นที่จำกัด และตามโมเดล จะเคลื่อนตัวเข้าในพื้นที่ท่าเรือนิคมมาบตาพุด ภายในวันที่ 30 ม.ค.นี้ และถ้าเคลื่อนใกล้ชายฝั่งจะต้องแจ้งเตือนตามขั้นตอน ”
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จำเป็นต้องตรวจสอบการปรับปรุงซ่อมบำรุงท่อน้ำมันเป็นไปตามเงื่อนไข และกำหนดเวลาของรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) หรือไม่ ที่สำคัญบริษัทฯต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งทางแพ่ง ทางอาญา ความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม และค่าใช้จ่ายต่างๆที่ภาครัฐได้ใช้ดำเนินการแก้ปัญหาทั้งหมด
นอกจากนี้ยังขณะนี้ได้ตั้งวอร์รูม บริเวณการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อติดตามควบคุมการใช้สารเคมี Dispersant มากำจัดคราบน้ำมันให้ย่อยสลายเป็นไปตามแผนงานหรือไม่ วันพรุ่งนี้ (27 ม.ค.) จะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ บินสำรวจจุดเกิดเหตุน้ำมันรั่ว อีกครั้งว่าสารเคมีขจัดคราบน้ำมันได้ผลมากน้อยแค่ไหน