กทม.-GC เปิดโครงการ “ยิ่งปลูก ยิ่งดี” เปลี่ยนกองขยะ 55 ไร่ให้เป็นป่า


กรุงเทพมหานคร จับมือ GC พัฒนาพื้นที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช 55 ไร่ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่บ่อขยะเดิมให้เป็นพื้นที่สีเขียว ภายใต้โครงการปลูกต้นไม้ “ยิ่งปลูก ยิ่งดี” เพิ่มพื้นที่ฟอกปอดให้คนกรุงเทพฯ

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า โครงการ “ยิ่งปลูก ยิ่งดี” เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกป่า เป็นการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์แบบธรรมชาติ ครอบคลุมทั้งรูปแบบป่านิเวศ ป่าชายเลน ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่กรุงเทพมหานครที่เริ่มต้นการดำเนินโครงการ “ยิ่งปลูก ยิ่งดี” บนพื้นที่บ่อขยะเดิม บริเวณศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช พื้นที่ 55 ไร่เป็นแห่งแรก ถือเป็นความท้าทายในการปลูกต้นไม้ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ฝังกลบขยะมาเป็นเวลานาน ที่มีสภาพพื้นที่และสภาพดินที่มีความเสื่อมโทรมให้กลับฟื้นเป็นพื้นที่ป่าสีเขียว โดยได้ทำงานร่วมกันระหว่าง GC, กทม. และผู้เชี่ยวชาญจากคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

โครงการ “ยิ่งปลูก ยิ่งดี” มีความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทยปี 2065 และยังเป็นการสนับสนุนนโยบายของกรุงเทพมหานครในการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น และยังสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของ GC ที่บูรณาการความยั่งยืน (ESG) ภายใต้ความสมดุล ทั้ง 3 มิติ คือ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ โดย GC ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า โครงการปลูกต้นไม้ “ยิ่งปลูกยิ่งดี” ในวันนี้ นอกจาก ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวแล้ว โครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ดี และเป็นประโยชน์อย่างมาก ที่พวกเราทุกคนได้มีส่วนร่วมกันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การที่ GC ได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่บริเวณศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช เพื่อนำพื้นที่หลุมฝังกลบขยะที่ไม่ได้ใช้งานมานานถึง 12 ปี ซึ่งใต้ดินเป็นขยะลึกประมาณ 4-5 เมตร สภาพดินค่อนข้างปลูกต้นไม้ได้ยาก GC ได้ศึกษา พร้อมทั้งพัฒนาพื้น 55 ไร่ให้สามารถปลูกต้นไม้ได้ เป็นพื้นที่ต้นแบบในการปลูกป่าเพื่อคาร์บอนเครดิต นับว่าเป็นการสนองตอบนโยบายของกรุงเทพมหานครในการปลูกต้นไม้ 1ล้านต้น สร้างพื้นที่สีเขียว และกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุง ที่สร้างสภาพแวดล้อมให้คนกรุงเทพได้เข้ามาใช้ประโยชน์ในระยะยาว เช่น ออกกำลายและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ภายใน 3 ปีคาดว่าจะสามารถปลูกต้นไม้ได้ประมาณ 45,000 ต้น นับว่าเป็นหนึ่งโครงการสำคัญในการปรับเมืองให้กับชาวกรุงเทพมหานครได้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

“ปลูกต้นไม้ไม่ใช่แค่ปลูก แต่ต้องดูแลต่อเนื่องระยะยาว เป็นการปลูกต้นไม้ในใจพวกเราให้รักษาสิ่งแวดล้อม สุดท้ายเมืองจะพัฒนาดีขึ้น และเป้าหมาย Net Zero ถึงแม้จะฟังดูไกลตัว แต่แท้จริงแล้วคือเรื่องใกล้ตัว หากสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ปีละ 3-4% ในอีก 30 ปีข้างหน้า จะสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้สำเร็จ โดยทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ เช่น ปลูกต้นไม้ ลดการใช้พลาสติก หันมาใช้พลังงานทดแทนให้มากขึ้น” นายชัชชาติกล่าว

การปลูกป่าครั้งนี้ สามารถช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ยปีละ 165 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และจะปลดปล่อยออกซิเจนให้กับบรรยากาศได้โดยเฉลี่ยปีละ 120 ตันออกซิเจน ต้นไม้ยังจะช่วยลดมลพิษจากฝุ่น PM2.5 สร้างระบบนิเวศ การเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและการสร้างสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกรุงเทพมหานครในการเพิ่มพื้นที่ป่าในเมือง

ที่มา : เดลินิวส์ ออนไลน์ วันที่ 2 พฤศจจิกายน 2565

สงวนลิขสิทธิ์ © 1995-2015 สถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม (ธ.พ.ส.ส.).
8/16 ถ.กรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กทม. 10200
โทรศัพท์ 0 2280 1812 , 0 2280 6228 , 0 2280 0557 , 0 2628 6438
โทรสาร 0 2282 8877
e-mail: gseiorth@gmail.com