นายกรัฐมนตรี-วราวุธ เตรียมบินร่วมวงประชุมเวทีโลกร้อน (COP26) ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์ ระหว่าง 31 ต.ค.-12 พ.ย.นี้ ย้ำไทยลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 17.49% บรรลุเจตจำนงเมื่อ 2 ปีก่อน พร้อมกางแผนไทยจับมือทุกภาคีกู้โลกก่อนทะลุ 2 องศาฯ
“สถานการณ์โลกร้อนถูกยกระดับเรียกว่า “Code red” ”
หลังข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ จากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) รายงานถึงผลกระทบต่อทุกภูมิภาคของโลก ทั้งการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ การละลายของน้ำแข็ง และการเพิ่มสูงขึ้นของระดับน้ำทะเล
เบื้องต้นอุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้นแล้ว 1.1 องศาเซลเซียส จากระดับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรมมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับเป้าหมายการดำเนินงานที่ประเทศต่างๆ จัดส่งภายใต้ความตกลงปารีส (NDCs) ยังไม่เพียงพอจะควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไม่ให้เกิน 2 หรือ 1.5 องศาเซลเซียส และแนวโน้มจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิประมาณ 2.7 องศาเซลเซียส ภายในปี 2643
ดังนั้นในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (COP26) ระหว่างวันที่ 31 ต.ค.–12 พ.ย.นี้ เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ ซึ่งปีนี้มีเป้าหมายที่ท้าทายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของโลก (global net zero emission) ภายในกลางศตวรรษ
ในปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นคณะผู้แทนประเทศไทย ประชุมร่วมกับผู้นำ 197 ประเทศ เพื่อแสดงท่าทีของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาโลกร้อน
“ไทยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 17.49% หรือ 64.20 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากภาคพลังงานและขนส่ง ถือว่าบรรลุเจตจำนงที่ได้แสดงไว้ต่อกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ที่จะลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 7% อาจเพิ่มขึ้นถึง 20%”
นายวราวุธ บอกถึงสิ่งที่รัฐบาลไทยได้ดำเนินการในการแก้ปัญหาโลกร้อน พร้อมระบุว่าไทยยังจะเน้นย้ำท่าที และมีความพร้อมทำงานร่วมกับทุกภาคีให้บรรลุเป้าหมายตามความตกลงปารีส โดยอยู่ระหว่างลดก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายตามความตกลงปารีส (NDCs) ให้ได้ 20–25% จากกรณีปกติ ภายในปี 2573 หรืออีก 9 ปีข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ ภายใต้แผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ พ.ศ.2564-2573